''อ๋อย'' แนะมหา'ลัยจับมือจัดรับตรง


 บันทึกโดย Admin  26 ก.ย. 2556

"อ๋อย" แนะมหา’ลัยจับมือจัดรับตรง



'อ๋อย' ชี้สอบรับตรงวันเดียวกันไม่แก้ปัญหา แนะจับมือจัดสอบเพิ่มโอกาสเด็ก
          เมื่อวันที่ 25 ก.ย.นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงแนวคิดของ รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อดีต รมช.ศธ. ที่เสนอว่ามหาวิทยาลัยควรจัดสอบรับตรงพร้อมกัน เพื่อลดปัญหาการวิ่งรอกสอบ ว่า การให้มหาวิทยาลัยจัดสอบรับตรงพร้อมกันหมดในวันเดียวกัน จะเป็นปัญหาอีกแบบหนึ่งที่ทำให้เด็กขาดโอกาส เพราะเด็กจะมีโอกาสเข้าสอบได้เพียงมหาวิทยาลัยเดียว เมื่อสอบพลาดก็จะพลาดเลย ขณะที่มหาวิทยาลัยก็จะรู้สึกเสียโอกาสเหมือนกัน ดังนั้น ตนจึงเห็นว่าแนวทางที่ให้มหาวิทยาลัยมาจัดระบบรับตรงร่วมกันจะเป็นประโยชน์ที่สุด เพราะเด็กสอบเพียงครั้งเดียวแต่สามารถใช้คะแนน และการเลือกมหาวิทยาลัยของเด็กเป็นตัวตัดสินได้ว่าเด็กจะสอบได้ที่ใด 

อย่างไรก็ตามการสอบรับตรงยังคงมีอยู่ต่อไปได้ โดยเฉพาะการรับตรงในระบบโควต้า หรือการรับตรงหลังจากการสอบแอดมิชชั่น เพราะตนไม่ได้ต้องการปิดโอกาสการสอบรับตรง 100% เพียงแต่มหาวิทยาลัยไม่ควรจัดสอบตรงเองเท่านั้น “ผมได้พูดตั้งแต่ต้นแล้วว่าเรื่องนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องมาร่วมกันคิดว่าจะดำเนินการอย่างไรกับการคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งจากการรับฟังความคิดเห็นในเบื้องต้นจากผู้ปกครอง นักเรียน และครู ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยที่จะให้มีการปรับระบบการรับคัดเลือกฯ มีเพียงกลุ่มเด็กม.6 บางส่วนที่ยังไม่แน่ใจว่าควรจะให้ปรับดีหรือไม่ เพราะกลัวจะกระทบกับการที่เด็กได้เตรียมตัวสอบมาแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ผมประกาศชัดเจนแล้วว่าหากจะมีการปรับระบบการคัดเลือกฯ จริงจะต้องไม่ให้กระทบต่อนักเรียนที่เตรียมตัวมาแล้ว เช่น การเลิกสอบรับตรงจะทำไม่ได้อยู่แล้ว แต่การเลื่อนเวลาสอบสามารถทำได้ อย่างไรก็ตามการที่จะปรับระบบคัดเลือกฯ ทั้งระบบนั้น อย่างเร็วจะต้องเริ่มที่เด็ก ม.4 ในปัจจุบัน หรืออย่างช้าต้องเริ่มที่เด็ก ม.3 ในปัจจุบัน” รมว.ศธ. กล่าว


รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีที่มีเด็กออกมาระบุว่า ข้อสอบตรงของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง มีความยากมาก ออกไม่ตรงตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้น เป็นเครื่องยืนยันว่าการออกข้อสอบในระบบรับตรงของมหาวิทยาลัยเป็นปัญหาจริง ตนจึงอยากให้มีการออกข้อสอบสอดคล้องกับหลักสูตรฯมากขึ้น แต่ก็ทำได้เพียงขอความร่วมือ และเสนอปัญหาให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความตระหนักในปัญหาดังกล่าว.

ที่มา : http://www.moe.go.th/

ผู้เข้าชม : 1246