สุดอาลัย สมเด็จพระสังฆราชฯ สิ้นพระชนม์ ข้าราชการฯลฯไว้ทุกข์ 30 วัน


 บันทึกโดย Admin  26 ต.ค 2556



โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 9
เรื่อง สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ขณะประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ความว่า

วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา รายงานว่า
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
มีพระอาการโดยรวมทรุดลง ได้สิ้นพระชนม์ลงแล้ว เมื่อเวลา 19:30 นาฬิกา
ของวันนี้ สาเหตุเนื่องจากการติดเชื้อในกระแสพระโลหิต


จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
24 ตุลาคม 2556



     พระศากยวงศ์วิสุทธิ์  (พระอนิลมาน ธมฺมสากิโย)  ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กล่าวถึงเหตุการณ์ก่อนที่สมเด็จพระสังฆราชจะสิ้นพระชนม์ ว่า "อาตมาได้นั่งเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชจนพระองค์สิ้นพระชนม์ อาการประชวรของพระองค์ทรุดลงตั้งแต่ช่วงบ่าย อัตราการเต้นของพระหทัยค่อยๆ ลดลง บางครั้งก็หยุดเต้นและกลับมาเริ่มเต้นดังเดิม แต่จากนั้นพระอาการก็ค่อยๆ ทรุดลง ถ้าจำกันได้เวลา 16.30 น. เมื่อวานอยู่ดีๆ ก็เกิดฝนตกหนัก ในช่วงที่พระหทัยพระองค์ค่อยๆ เต้นช้าลงเรื่อยๆ และความดันพระโหลิตค่อยๆ ลดลง พอถึงเวลาประมาณ 19.00 น. พระอาการทรุดหนักและ เวลา 19.19 น. อาตมาได้โพสต์เฟซบุ๊กสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เชิญชวนให้ทุกคนร่วมกันสวดมนต์และตั้งจิตภาวนาให้พระองค์ และเมื่อถึงเวลา 19.29 น. หันไปมองนาฬิกา พระหทัยของสมเด็จพระสังฆราชก็หยุดเต้น ในช่วงเวลาที่พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤติ พระองค์สงบนิ่งเหมือนกับพระองค์ท่านกำลังทรงนั่งพระกรรมฐาน จนถึงวินาทีสุดท้ายที่พระองค์ท่านสิ้นพระชนม์"





พระประวัติ
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
เป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดบวรนิเวศวิหาร และทรงเป็น สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 4 แห่งวัดบวรนิเวศวิหาร
ทรงดำรงตำแหน่งเมื่อ พุทธศักราช 2532 ในรัชกาล
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
และทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์แรกของไทย ที่มีพระชันษา 100 ปี



พระองค์มีพระนามเดิมว่า "เจริญ คชวัตร" พระนามฉายาว่า "สุวฑฺฒโน" ประสูติ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พุทธศักราช 2456 ณ บ้านวัดเหนือ ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระองค์ทรงบรรพชาเป็นสามเณร ในปีพุทธศักราช 2469 ขณะมีพระชันษาได้ 14 ปี ที่วัดเทวสังฆาราม  โดยมี พระเทพมงคลรังษี เจ้าอาวาสวัดเทวสังฆาราม เป็นพระอุปัชฌาย์

       



ที่มา : http://www.watbowon.com

ภายหลังบรรพชาแล้ว ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดเทวสังฆาราม 1 พรรษา และได้มาศึกษาพระธรรมวินัยที่วัดเสน่หา จังหวัดนครปฐม หลังจากนั้น พระเทพมงคลรังษี พระอุปัชฌาย์ ได้พาพระองค์ไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร และนำพระองค์ขึ้นเฝ้าถวายตัวต่อ สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เพื่ออยู่ศึกษาพระปริยัติธรรมในสำนักวัดบวรนิเวศวิหาร พระองค์ทรงได้รับ ประทานนามฉายาจากสมเด็จพระสังฆราชว่า

"สุวฑฺฒโน"
ความหมายว่า "ผู้เจริญดี"

จนกระทั่ง พระชันษาครบอุปสมบทจึงทรงเดินทางกลับไปอุปสมบทที่วัดเทวสังฆาราม เมื่อ พ.ศ. 2476 ภายหลังจึงได้เดินทางเข้ามาจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร และได้เข้าพิธีอุปสมบทซ้ำเป็นธรรมยุตินิกาย โดยมี สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ครั้นเมื่อถึงวันที่ 21 เมษายน พุทธศักราช 2532 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา สมเด็จพระญาณสังวร ขึ้นเป็น สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก นับเป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และเป็นเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต สืบต่อจากสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช



และในวันที่ 3 ตุลาคม พุทธศักราช 2556 ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้มีงานฉลองพระชันษา 100 ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร

ที่มา : http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=489503




ชมพระประวัติ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 







ส่วนประชาชนที่ต้องการไปร่วมพิธีถวายน้ำสรงพระศพต่อหน้าพระรูป
สามารถไปได้ยังอาคารมนุษยนาควิทยาทาน ภายในวัดบวรนิเวศวิหาร
ตั้งแต่เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป



ที่มา: Line/Deb 19-21








ผู้เข้าชม : 2077