นักเรียนเก่า ที่มีชื่อเสียง

นายทวี บุณยเกตุ นายกรัฐมนตรี คนที่ 5


ชีวประวัตินายทวี บุณยเกตุ เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2447 เวลา 13.20 น. ที่อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง (ซึ่งขณะนั้นถือเป็นอำเภอเมือง จังหวัดตรัง) เป็นบุตรของพระยารณชัยชาญยุทธ์ (ถนอม บุณยเกตุ) กับคุณหญิงรณชัยชาญยุทธ์ (ทับทิม) โดยชื่อ ทวี มาจากการที่บิดาและมารดาสมรสกันในวันทวีธาภิเษก บุคคลที่เข้าร่วมงานเมื่อเลิกจึงมาในงานสมรสโดยไม่ได้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ติดเหรียญตราทวีธาภิเษกเข้าร่วมงานเลย

นายทวีสมรสกับคุณหญิงอำภาศรี บุณยเกตุ ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 สิริอายุได้ 67 ปี

 การศึกษาโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดจันทบุรี
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
โรงเรียนเทพศิรินทร์
โรงเรียนราชวิทยาลัย
คิงส์คอลเลจ ประเทศอังกฤษ
วิชากสิกรรม ที่มหาวิทยาลัยกรีนยอง ประเทศฝรั่งเศส
การรับราชการนายทวีจบการศึกษาวิชากสิกรรมเมื่อ พ.ศ. 2468 และรับราชการที่กระทรวงเกษตราธิการ หน้าที่การงานก้าวหน้าขึ้นจนเป็นผู้ช่วยอธิบดีกรมประมง เมื่อ พ.ศ. 2478 จากนั้นย้ายมาเป็นผู้ช่วยเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เมื่อ พ.ศ. 2482 และขึ้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม เมื่อ พ.ศ. 2483

 ผลงานทางการเมือง คณะราษฎรในระหว่างศึกษาที่ประเทศฝรั่งเศส นายทวี มีโอกาสได้พบปะกับผู้นำความคิดเรื่องการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เช่น นายปรีดี พนมยงค์, ร้อยโท แปลก ขีตตะสังคะ, ร้อยโท ประยูร ภมรมนตรี, ร้อยโท ทัศนัย มิตรภักดี จึงได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกคนหนึ่งของคณะราษฎร โดยผ่านการรับรองของ นายแนบ พหลโยธิน ที่ได้ติดตามดูพฤติกรรมของนายทวีมาระยะหนึ่งแล้ว โดยนายแนบเป็นผู้ที่ชักชวน และนายทวีก็ได้ตอบรับทันที

เมื่อเดินทางกลับสู่ประเทศไทย นายทวีเข้ารับราชการเป็นพนักงานบำรุงพันธุ์สัตว์ กระทรวงเกษตราธิการ ก็ได้ชักชวนบุคคลต่าง ๆ เข้าร่วมกับคณะราษฎรอีกไม่ต่ำกว่า 10 คน อาทิ นายจรูญ สืบแสง, นายวิลาศ โอสถานนท์, นาวาตรี สินธุ์ กมลนาวิน เป็นต้น และในการประชุมวางแผนนั้นก็ได้ใช้บ้านพักของหลายบุคคลสลับกันไป รวมทั้งบ้านของนายทวีด้วย ซึ่งในการประชุมวางแผนครั้งสุดท้ายที่บ้านของ พันเอก พระยาทรงสุรเดช นายทวีก็เข้าร่วมด้วย

ต่อมานายทวีต้องย้ายไปรับราชการที่อำเภอท่าพระ จังหวัดขอนแก่น (ปัจจุบันคือ อำเภอเมืองขอนแก่น) จึงไม่มีโอกาสได้ติดต่อกับคนอื่น ๆ แต่ได้ขอให้นายแนบ พหลโยธิน เป็นผู้ส่งข่าวความคืบหน้า จนกระทั่งนายแนบได้ส่งโทรเลขความว่า "ส่งเงินวันที่ 16 นี้" ซึ่งเป็นรหัส อันหมายถึงจะลงมือปฏิบัติการในวันที่ 16 มิถุนายน นายทวีจึงถือโอกาสลาราชการมายังกรุงเทพมหานคร แต่ว่าการปฏิบัติการก็ได้เลื่อนต่อไปจนถึงวันที่ 24 มิถุนายน นายทวีจึงขอลาหยุดต่ออีก 7 วัน

ในเช้าวันที่เปลี่ยนแปลงการปกครอง นายทวีได้เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่เวลา 01.00 น. โดยการขับรถตระเวนไปตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วพระนคร พร้อมกับนายจรูญ สืบแสง เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยของสถานที่ต่าง ๆ ตามแผน จากนั้นจึงไปสมทบกับกลุ่มของ ร.ท.แปลก ทำการควบคุมค่ายทหาร ที่บางซื่อ จนกระทั่งการเปลี่ยนแปลงการปกครองดำเนินไปจนสำเร็จด้วยดี

 การรับตำแหน่งในรัฐบาลพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นนายกรัฐมนตรี นายทวีได้รับแต่งตั้งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการพิจารณาร่างเค้าโครงเศรษฐกิจแห่งชาติ เป็นผู้หนึ่งที่มีแนวความคิดสอดคล้องกับนายปรีดี พนมยงค์ นอกจากนี้ยังสนิทสนมและได้รับความไว้วางใจจากนายควง อภัยวงศ์ เป็นอย่างมาก

ในช่วงรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายทวี และนายควง ได้รับเลือกเป็นประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2486 แต่เนื่องจากความขัดแย้งส่วนตัวกับจอมพล ป. ซึ่งไม่ยอมลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ นายทวีและนายควง จึงลาออกจากตำแหน่งทั้งคู่

ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง นายควง อภัยวงศ์ รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากจอมพล ป. นายทวี บุณยเกตุได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในช่วงเวลานั้น นายทวียังได้รับมอบอำนาจเป็นผู้สั่งการแทนนายกรัฐมนตรีในหลายโอกาส ทั้งยังเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ในการประกาศพระบรมราชโองการว่าสงครามกับสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาเป็นโมฆะ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488

หลังจากนายควง อภัยวงศ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2488 และอยู่ระหว่างรอ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา นายปรีดี พนมยงค์ ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ได้แต่งตั้งนายทวี บุณยเกตุ เป็นนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2488 และลาออกเมื่อ 17 กันยายน พ.ศ. 2488 ระยะเวลาในการบริหารประเทศของนายทวีจึงสั้นเพียง 18 วัน นับเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีระยะเวลาดำรงตำแหน่งสั้นที่สุด

 การเปลี่ยนชื่อประเทศจากสยามเป็นไทยหลังจากที่จอมพล ป.พิบูลสงคราม เปลี่ยนชื่อประเทศจากสยามเป็นไทย ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายทวี บุณยเกตุ ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2488 ให้เรียกชื่อประเทศว่า สยาม เช่นเดิม แต่เมื่อจอมพล ป. กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2490 จึงได้เปลี่ยนชื่อประเทศเป็น ประเทศไทย อีกครั้ง และใช้ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

 ลี้ภัยออกนอกประเทศวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 คณะทหารเข้ายึดอำนาจจากปกครองจากรัฐบาล พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นายทวี บุณยเกตุ ได้ลี้ภัยออกนอกประเทศพร้อมกับภริยา ไปใช้ชีวิตที่ปีนัง ประเทศมาเลเซีย และเดินทางกลับประเทศไทยหลังจากจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก่อรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2500 โค่นล้มจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายทวีได้รับแต่งตั้งเป็นประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 ใช้เวลาร่างถึง 10 ปี

นายทวี บุณยเกตุ ได้ก่อตั้งมูลนิธิทางการศึกษาชื่อ มูลนิธิ ทวี บุณยเกตุ ซึ่งเคยช่วยเหลือสมาชิกคุรุสภา ผู้ประสบอัคคีภัยและภัยธรรมชาติ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ใช้ชื่อท่านเป็นห้องประชุม (ห้องประชุม ทวี บุณยเกตุ ชั้น 6 อาคารสำนักอธิการบดี)

อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นายทวี บุณยเกตุ ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ระหว่างปี พ.ศ. 2488 ถึงปี พ.ศ. 2489 นับเป็นคนที่ 2 ของมหาวิทยาลัย (ต่อจาก พลเรือเอกสินธุ์ กมลนาวิน)
 ผลงานเขียนพ่อสอนลูก
การสังคม (พ.ศ. 2543)
การครองเรือน (พ.ศ. 2543)