นักเรียนเก่า ที่มีชื่อเสียง

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์


ประวัติการศึกษา

  • มัธยมศึกษาตอนต้น - ตอนปลาย โรงเรียนเทพศิรินทร์ (ท.ศ.19-21)
  • BSC, In Pharm คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
  • ปริญญาโท บริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
  • Ph.D. in Marketing: Kellogg Northwestern University สหรัฐอเมริกา

ประวัติการทำงาน

  • ที่ปรึกษาอาวุโส บริษัท บูซ แอลเลน แอนด์ แฮมิลตัน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
  • ที่ปรึกษาอาวุโส บริษัท แอล.อี.เค. คอนซัลติ้ง (เอเซีย แปซิฟิค) แอลแอลพี

ตำแหน่งงานอื่นในปัจจุบัน

  • อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นหัวหน้าหลักสูตรปริญญาเอก
  • กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน)
  • กรรมการ บริษัท ทศท. คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
  • ผู้อำนวยการ Sasin Institute for Global Affairs (SIGA)
  • Visiting Professor, Kellogg School of Management, Northwestern University
  • กรรมการบริหารธนาคารนครหลวงไทย

อาจารย์พิเศษ

  • วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันพระปกเกล้า
  • สถาบันวิทยาการตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
  • หลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง สำนักงานศาลยุติธรรม
  • หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพานิชย์ (TEPCoT)
  • หลักสูตรนักบริหารระดับสูง สถาบันพัฒนาข้าราชการพลเรือน
  • หลักสูตรนักบริหารการฑูต กระทวงการต่างประเทศ

ผลงานเขียน

  • The Marketing of Nations ร่วมกับ Philip Kotler และ ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (The Free Press, 1997)
  • Marketing Moves ร่วมกับ Philip Kotler และ Dipak Jain (Harvard Business School Press, 2002)
  • Thailand Stand Up (BrandAge Book, 2005)
  • จุดเปลี่ยนประเทศไทย : เศรษฐกิจพอเพียงในกระแสโลกาภิวัตน์ (การเงินการธนาคาร, 2006)
  • โลกพลิกโฉม : ความมั่งคั่งในนิยามใหม่ (การเงินการธนาคาร, 2007)
  • Value Creation Machine (BrandAge Book, 2008)
  • ประเทศไทยในหลากมิติ (BrandAge Book, 2008)
  • เมื่อโลกไม่ใช่ใบเดิม (การเงินการธนาคาร, 2010)

ประวัติจากนิตยสารผู้จัดการ

เป็นนักเรียนรุ่นที่สองที่นิด้า ดร.สุวิทย์เรียนจบด้านเภสัชกรรม จากมหาวิทยาลัยมหิดล แต่สนใจเรื่อง การบริหารธุรกิจ ความที่เป็นคนชอบคิดอ่านไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา วิชาปีหนึ่งไม่ท้าทายสำหรับเขา เขาข้ามไปนั่งเรียนกับพวกปีสอง และลูกศิษย์ของคอตเลอร์ย่อมไม่พ้นความสนใจของเขา เรียนไม่เรียนเปล่าความที่ชอบขีดๆ เขียนๆ จึงเขียน paper ไปให้อาจารย์สมคิดอ่าน ซึ่งอาจารย์คนนี้ได้ช่วยต่อยอด ให้เขามากมาย และยังส่งเสริมให้เขาออก NIDA Business Review โดยเขาได้เขียนบทความตีพิมพ์ร่วมกับอาจารย์อีกหลายคน รวมทั้ง ดร.สมคิดด้วย น่าเสียดายที่หลังจากตีพิมพ์ครั้งแรกแล้วไม่มีใครสานต่อ จากนั้นเมื่อ ดร.สมคิดรับงานโครงการไหนก็มักจะนำลูกศิษย์รุ่นแรกของไปด้วยหลายคน แต่เขาเป็นรุ่น สองคนเดียวที่มักจะได้ติดกลุ่มไปด้วยในหลายโครงการ

ด้วยความที่ ดร.สมคิดเห็นความรักดีในทางวิชาการของเขา เมื่อ ศ.คอตเลอร์มีจดหมายมาชักชวนให้เขียนหนังสือเล่มที่สอง ดร.สมคิดจึงได้พาเขาไปที่นอร์ธเวสเทิร์นด้วย ทั้งสามคนเทียวเข้าห้อง สมุดถกเถียงพูดคุยกันหนึ่งเดือนเต็ม ก็ได้เค้าโครงของหนังสือเล่มใหม่ เขาได้ฝากฝังสุวิทย์ไว้เป็นศิษย์ของคอตเลอร์ซึ่งระยะหลังแทบจะไม่รับศิษย์แล้ว โดยที่ได้ทุนจากมหาวิทยาลัยด้วย ในที่สุด ดร.สุวิทย์ได้ดีกรีปริญญาเอก ด้านการตลาดจาก Kellog พร้อมทั้งหนังสือ Marketing of the Nation ร่วมกับอาจารย์ของเขาทั้งสองคน

นับว่าเป็นแบบแผนเดียวกับ ดร.สมคิดนั่นเอง สิ่งที่แตกต่างคือ เขาได้งานที่ปรึกษา Boot Allen & Hamilton ที่อเมริกา ก่อนกลับมาเมืองไทย ช่วงว่างที่บินกลับมาเมืองไทยขณะที่รอวีซ่า เขาได้ช่วยงานบริษัทในโครงการที่กรมสรรพากร และติด พันมาอีกหลายโครงการ ดร.สุวิทย์ทำงานที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า เป็นการปรับเปลี่ยนเชิงยุทธศาสตร์ขององค์กร (Strategy-based Transformation) ให้กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ กล่าวคือ โครงการ Multimedia Super-Corridor ของรัฐบาลมาเลเซีย สภาพัฒนฯ กพ. ปตท. การบินไทย ธนาคารกสิกรไทย บีพีปิโตรเลียม

จากนั้นออฟฟิศในเมืองไทยถูกซื้อโดยบริษัทของอังกฤษที่ชื่อ LEK Consulting ซึ่งเขาร่วมงานอยู่ในฐานะ Senior Consultant จนถึงปัจจุบัน ขณะที่เป็นอาจารย์สอนด้านการตลาดอยู่ที่ศศินทร์ด้วย บริษัทนี้ไม่ขัดข้องที่เขาจะทำงานเป็นที่ปรึกษาให้รัฐมนตรีด้วย

ดร.สมคิดได้วางตัวให้ ดร.สุวิทย์มาช่วยงานในด้านวิชาการนานแล้ว โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวกับภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้า อุตสาหกรรม และเกษตร โดยประสานกับที่ปรึกษาอาวุโสท่านอื่นและข้าราชการที่เกี่ยวข้อง และจัด ทำรายงานแต่ละเรื่องตามที่รัฐมนตรีมอบหมาย ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปเป็นความคิดและสิ่งที่ควรดำเนิน การ ทั้งนี้รัฐมนตรีต้องการเห็นทิศทางของการใช้เงินที่มีประสิทธิภาพด้วย ดร.สุวิทย์ถือเป็นทีมงานที่สำคัญอีกคนหนึ่งที่จะช่วยแปรความคิดของรัฐมนตรี และบรรดาที่ปรึกษาให้เป็นรูปธรรม ด้วยภารกิจที่มากมายเช่นนี้

ที่มา - นิตยสารผู้จัดการ