นักเรียนเก่า ที่มีชื่อเสียง

ดร.ประเทส สูตะบุตร


ดร. ประเทศ สูตะบุตร (2480-2554)
เลขาธิการการพลังงานแห่งชาติ 2534-2535
อธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน 2535-2540
ดร.ประเทศได้ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2554 ก่อนถึงแก่อนิจกรรม 2 วัน
โดยได้ปรารภไว้กับ มล.พูนแสง (ภรรยา) พร้อม บก.รักษ์พลังงานว่า 
“.........ในสมุดบันทึกของ พ.พ. ในวาระขึ้นปีใหม่ปี พ.ศ.2540 อันเป็นปีสุดท้ายในชีวิตราชการของผม ผมได้ฝากถ้อยคำไว้ว่า......
 “ผมในฐานะ ผู้บังคับบัญชาและผู้ร่วมงาน ปราถนาและหวังให้ข้าราชการและลูกจ้างของ พ.พ. ทุกท่านยึดมั่นในความดี
ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม ฝึกจิตใจให้มีคุณธรรม ดำรงตนอยู่ในจริยธรรม มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ 
ปฎิบัติงานให้มีประสิทธิภาพโดยทำงานอย่างเต็มที่ เต็มกำลัง และเต็มใจ ผมเป็นเพียงผู้ให้โอกาส แต่ท่านต้องเป็นผู้สร้างผลงาน
เพื่อท่านจะได้เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่า ต่อ พ.พ. และก่อประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ…………….”
 พ.พ. เป็นหน่วยงานที่ผมได้ร่วมหัวจมท้ายมาตั้งแต่ พศ. 2505 โดยเป็นองค์กรที่ขณะนั้นมีอายุเพียง 9 ปี ปัจจุบันผมครบวาระอายุราชการ
มาแล้วถึง 14 ปี โดยที่หน่วยงานนี้กำลังมีอายุครบ 60 ปี ซึ่งถ้าเป็นคนก็เป็นวาระเกษียนอายุ ทิ้งผลงานไว้อยู่ในความทรงจำ ส่วนร่างกาย
ก็มีแต่โรยรา และล่วงโรยไปตามเวลา แต่การมีอายุมากขึ้นของหน่วยงานกลับบ่งบอกถึงคุณค่า ความคงทน และความยังประโยชน์ต่อประเทศชาติ
ฉะนั้นหากจะยังขอให้ผมได้ฝากถ้อยคำไว้สำหรับข้าราชการรุ่นน้อง รุ่นลูก รุ่นหลาน ในวาระสำคัญเช่นนี้ ผมก็ยังขอย�้าสิ่งที่ผมเคยฝากไว้
ตั้งแต่ พ.ศ. 2540 ไม่เปลี่ยนแปลง แม้ผมจะมิได้เป็นผู้ให้โอกาสแก่พวกท่านอีกต่อไป แต่ท่านคือผู้ที่ได้รับโอกาสนั้นจากผู้บังคับบัญชา
จากรุ่นสู่รุ่น ต่อๆ มาและต่อๆ ไป อย่างไม่มีสิ้นสุด หากท่านยังคงปฎิบัติตาม ผมเชื่อแน่ว่าองค์กรของเราคือ พ.พ. ที่เรารักและผูกพัน 
จะเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งมีอายุยืนนานและยังประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติอย่างไม่เสื่อมคลายไปอีกเป็น 100 ปี” 
  อดีตอธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน และนักฟุตบอลทีมชาติไทยที่ทำประตูแรกในกรีฑาสถานแห่งชาติ และเซียพเกมส์ (ซีเกมส์ครั้งแรก) ได้เสียชีวิตแล้ว และกำหนดสวดอภิธรรม ณ ศาลาภาณุรังษี (ศาลา 4) วัดเทพศิรินทราวาส กทม. ตั้งแต่วันนี้ถึงวันจันทร์ที่ 12ธันวาคม2554เวลา19.00 น.
สมเด็จพระเทพฯเสด็จฯ พระราชทานเพลิงศพ "ดร.ประเทศ"
     สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิง ดร.ประเทศ สูตะบุตร อดีตอธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน และนักฟุตบอลทีมชาติไทย รุ่นซีเกมส์ครั้งแรก ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร ในวันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม 2555 เวลา 17.00 น.
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพ
นายประเทศ สูตะบุตร 
     สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพ นายประเทศสูตะบุตรณเมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์วัดเทพศิรินทราวาส 

     นายประเทศ สูตะบุตร เกิดเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2480 เป็นบุตร ของนายประมาณ และนางรัมภา สูตะบุตร สำเร็จมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเทพศิรินทร์และวิศวกรรมโยธา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อมาได้รับทุนไปศึกษาต่อจนสำเร็จปริญญาเอกด้านวิศวกรรมชลศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยโคโลราโด สเตท สหรัฐอเมริกา ซึ่งระหว่างที่ศึกษาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทย ด้านชีวิตการงาน เข้ารับราชการเป็นนายช่างโทการพลังงานแห่งชาติ จนดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานพลังงานแห่งชาติ และอธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน โดยเป็นผู้ริเริ่มโครงการสูบน้ำด้วยไฟฟ้า เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงหน้าแล้ง รวมถึงเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการร่วมไทย-ลาว ออกแบบ และก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งแรก ด้านชีวิตครอบครัวสมรสกับ หม่อมหลวงพูนแสง ลัดดาวรรณ อดีตที่ปรึกษาอาวุโส สถานเอกอัครข้าราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย มีบุตรด้วยกัน3คน         นายประเทศ สูตะบุตร ได้ถึงแก่อนิจกรรมจากอุบัติเหตุขณะว่ายน้ำ สิริอายุได้ 74 ปี
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพ
สมเด็จพระเทพฯเสด็จฯ พระราชทานเพลิงศพ "ดร.ประเทศ"
     สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิง ดร.ประเทศ สูตะบุตร อดีตอธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน และนักฟุตบอลทีมชาติไทย รุ่นซีเกมส์ครั้งแรก ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร ในวันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม 2555 เวลา 17.00 น.
พระราชทานพวงหรีด ดร.ประเทศ สูตะบุตร
     สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานพวงหรีด ในการสวดพระอภิธรรม ดร.ประเทศ สูตะบุตร ณ วัดเทพศิรินทร์ฯ ยังความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่ ม.ล.พูนแสง–ดร.ทวารัฐ–ตรีรัฐ สูตะบุตร และครอบครัว สูตะบุตรและ ลดาวัลย์ ณ อยุธยา อย่างหาที่สุดมิได้